ตำนานดอกทานตะวัน
ไคลที (Clytie) เป็นเทพอัปสรแสนสวยประจำน่านน้ำ
นางเป็นธิดาของ เทพแห่งสมุทร(เนปจูน) กับเทวีทีธิส เมื่อไคลทีเจริญวัยเป็นสาว
เธอมิได้ใส่ใจเทพหรือมนุษย์หนุ่มใด ๆ เลย อยู่มากระทั่งวันหนึ่ง
เกิดพายุพัดกระหน่ำมาอย่างรุนแรง ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยพัดมาถึงข้างใต้ทะเลเลย
พายุได้พัดพาสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่ใต้ทะเลขึ้นมาข้างบน
ซึ่งไคลทีก็เป็นหนึ่งในจำนวนนั้นด้วย เมื่อไคลทีถูกคลื่นทะเลซัดขึ้นมาถึงฝั่ง
ก็ฟื้นคืนสติ ก็มองเห็นแสงแดด พืชพันธุ์ไม้ต่าง ๆ และสิ่งที่สวยที่สุด
ก็คือแสงตะวันที่สาดส่อง ไคลทีเพิ่งมีโอกาสเห็นแสงอาทิตย์เป็นครั้งแรก
ก็เกิดความรักในพระอาทิตย์ขึ้นมาคือเทพอพอลโลทุกวัน
ไคลทีจะเฝ้ามอง
ดูความงดงามของดวงอาทิตย์ วันแล้ว วันเล่าติดต่อกันถึง ๙ วัน
โดยไม่เป็นอันกินอันนอน จนกระทั่งเทพทั้งหลาย สงสารนาง
เพราะเทพอพอลโลไม่เคยเหลียวแล จนร่างกายของไคลที เปลี่ยนไปเพราะกาลเวลาในโลกมนุษย์
ในที่สุด
เทพและเทวี ทั้งหลายก็เห็นใจ แปลงนางให้เป็นไม้ดอกชนิดหนึ่งชื่อ ทานตะวัน
เมื่อมีดอกบานก็จะหันตามดวงอาทิตย์ตลอดเวลา ตั้งแต่เช้ายันค่ำ
เมื่อเริ่มวันใหม่ก็จะหันตามดวงอาทิตย์ใหม่ จนกว่าดอกจะเหี่ยวเฉาไปตามธรรมชาติ
คราวใดที่เห็น
ดอกทานตะวัน นั่นคือ ไคลที เทพอัปสรผู้มีรักแท้มอบแด่ สุริยเทพ ดอกทานตะวัน
จึงเป็นสัญลักษณ์ของความเชื่อมั่น ความมั่นคง รักเดียวใจเดียว
และมีนัยถึงศิลปะที่งดงาม ถ้าได้รับดอกทานตะวันเหมือนได้รับสารว่า
"รักของฉันมั่นคงและภักดีต่อเธอเสมอ ดุจดั่งทานตะวันที่ไม่เคยหันมองผู้ใดนอกจากดวงอาทิตย์
cr.http://tamnan-flower.blogspot.com/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น